พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนี
เสด็จประพาสเกาะสมุย
 
วันที่  ๒๔  เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็นวันประวัติศาสตร์ของเกาะสมุยวันหนึ่ง ด้วยเหตุว่า วันนี้  เป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  พระบรมราชินีนาถ และพระบรม ราชชนนี ได้เสด็จประพาสและเยี่ยมเยียน พสกนิกร ของพระองค์ เป็นครั้งแรก    ซึ่งถือได้ว่าเป็นนิมิตอันดียิ่งต่อ ประชาชน ชาวเกาะสมุย ความปลื้มปิติยินดีอันนี้ จะยังคงฝังอยู่ใน ความทรงจำมิอาจลืมเลือนและถือเป็น พระมหากรุณาธิคุณ ของพระองค์ท่านที่มีต่อประชาชนชาวเกาะสมุย 
อย่างหา ที่สุดมิได้ 
จากบันทึกของ     นายต้อง กองทอง     อดีตผู้อำนวยการ โรงเรียน เกาะสมุย ได้กล่าวไว้ว่าการ จัดการรับเสด็จในครั้งนั้น  ชาวอำเภอ เกาะสมุย ได้ทราบ ล่วงหน้าเพียง  ๖  วัน เท่านั้นว่า พระบาท   สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรม                 ราชินีนาถ   และ สมเด็จพระบรมราชชนนี        พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ จะเสด็จประพาสเกาะสมุย เมื่อทราบข่าว   นายอำเภอเกาะสมุย           (นายจำรัส สุพัฒนกุล)  ได้เรียกประชุมข้าราชการ พ่อค้า  ประชาชน ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อแจ้งข่าวการ เสด็จให้ ประชาชน ได้รับทราบโดยทั่วกัน การจัดการต้อนรับ ในครั้งนั้น จึงกระทำขึ้น อย่างรีบด่วน โดยความร่วมมือ กัน ของทุกฝ่ายงาน
 
จุดของการต้อนรับจุดแรกก็คือที่บริเวณอ่าวหน้าทอน และบริเวณตลาดหน้าทอนทั้งหมด โดยประชาชนได้ร่วมกัน สร้างสะพานไม้ชั่วคราว  ต่อจากถนนหน้าอำเภอยื่นออกไป ในทะเล ประมาณ  ๒๐๐  เมตร เพื่อถวายความจงรัก ภักดี และเพื่อถวายความสะดวกในการเสด็จ พระราชดำเนินขึ้น เกาะสมุย  ปลายสุดของสะพานจัดทำเป็นซุ้ม รับเสด็จอย่าง งดงาม  ส่วนทางบนฝั่งบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอ และในตลาดหน้าทอนได้มีการจัดทำซุ้มรับเสด็จ ประดับ ตกแต่งอย่างงดงาม ประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ "ภปร" และข้อความ "ทรงพระเจริญ" ส่วนอาคารบ้านเรือน จะประดับ ด้วยธงชาติและพระบรมฉายาลักษณ์ทุกครัวเรือน จุดรับเสด็จจะมีตลอดเส้นทางของการเสด็จ พระราชดำเนิน เช่น จุดที่บริเวณวัดแจ้ง วัดสระเกศ น้ำตก หน้าเมือง วัดสำเร็จ และวัดราชธรรมาราม (วัดศิลางู) 
รุ่งเช้าของวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๐๕ บริเวณอ่าวหน้าทอน หน้าที่ว่าการอำเภอ และในตลาดเนืองแน่น ไปด้วยประชาชน ที่มาคอยรอรับเสด็จ เพราะในวันนี้จะเป็นวันแรก ที่ชาวเกาะสมุยจะได้เห็นกษัตริย์ของพวกเขา เป็นครั้งแรก    ทุกคนต่างใจจดใจจ่อที่จะได้ชมพระบารมี วันนั้นเป็นวันที่น้ำทะเลลด จึงมีประชาชนส่วนหนึ่ง ลงไปยืนรอรับเสด็จในทะเลตามแนวสะพานทั้งสองด้านอย่างเป็น ระเบียบ    ส่วนบนฝั่งก็มีประชาชนมาคอยรอ รับเสด็จมากมาย โดยนั่งกันอย่างมีระเบียบ  ในมือของผู้ที่รอรับเสด็จ ต่างก็ถือธงชาติ พร้อมด้วยภาพ พระบรม ฉายาลักษณ์ ตลอดสองข้างทาง ระหว่าง ชาดหาด ไปจนกระทั่งถึงหน้าที่ว่าการอำเภอ  ส่วนลาดพระบาท ได้ปูบนสะพาน ด้วยผ้าขาวยาวตลอดสะพาน สำหรับบนฝั่งได้ใช้  
ใบมะพร้าวสานเป็นผืน วางลาดตั้งแต่หัวสะพาน จนถึงหน้า ที่ว่าการอำเภอ
         เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.เรือพระที่นั่งจันทร ได้มา ทอดสมอ ที่อ่าว หน้าทอน เกาะสมุย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จ พระราชชนนี  ได้เสด็จลงประทับเรือเล็กมาเทียบสะพาน ที่ได้จัด สร้างขึ้น เมื่อเสด็จขึ้นบนสะพานแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัด (นายประพันธ์ ณ พัทลุง) ได้กราบถวายบังคมทูล รายงาน ภรรยาท่านนายอำเภอ  (คุณอำนวย สุพัฒนกุล) ทูลเกล้าถวายช่อดอกไม้แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  พระบรมราชินีนาถ  และสมเด็จพระบรมราชชนนีแล้ว ทั้งสามพระองค์ ได้เสด็จพระราชดำเนินบนสะพาน  ที่ปูลาด พระบาทด้วยผ้าขาว ขณะที่ทั้งสามพระองค์ เสด็จพระราช ดำเนินบนสะพาน ประชาชนต่าง เปล่งเสียง ไชโย ถวายพระพรเสียงดังสนั่นหวั่นไหว  ทั้งสามพระองค์ ทรงโบกพระหัตถ์ ให้แก่พสกนิกร ที่มาเฝ้าชมพระบารมี ทุกคนต่างปลื้มปิติที่ได้เห็น ในหลวง ราชินี และสมเด็จย่า เป็นครั้งแรก ทั้งสาม พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนิน ผ่าน ทหารกองเกียรติยศ จากค่ายทหารบกจังหวัดชุมพร  เสด็จผ่าน ประชาชนที่มา เฝ้าคอยชมพระบารมี  ทรงทักถาม และปฏิสันถาร กับ พสกนิกรโดยไม่ทรงถือพระองค์  โดยเฉพาะ อย่างยิ่งกับ คนแก่  พระองค์ทรงโปรดมากพระองค์ ทรงถามถึง ชีวิต ความเป็นอยู่  และการ ทำมา หากินอย่างทั่วถึง และสิ่งที่ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นห่วง ประชาชน มาก ก็คือ ทรงเกรงว่า ต่อไปข้างหน้าเกาะสมุย จะขาด แคลนน้ำ พระองค์ขอให้ทุกคน ช่วยกันรักษาป่า อย่าได้ตัดไม้ ทำลายป่า อันเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญ
 
     เมื่อทั้งสามพระองค์เสด็จเยี่ยมเยียน   และทักทาย ประชาชน อย่างทั่วถึงกันแล้ว ก็ได้เสด็จขึ้นประทับบนมุข หน้าที่ว่าการ อำเภอเกาะสมุยประมาณ  ๑๐  นาที  ก็เสด็จขึ้นประทับ บนรถยนต์ พระที่นั่ง (รถของนายการุญ เรืองศรี) ซึ่งทางอำเภอได้จัดถวาย สำหรับเป็นราชพาหนะ โดยมีนายแพทย์สมคิด ไกรสินธุ์ หัวหน้าสถานีอนามัย อำเภอเกาะสมุยเป็นผู้ขับ โดยได้ขับออก จากที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย  ผ่านตลาดหน้าทอนซึ่งประชาชน ได้จัดสร้าง ซุ้มถวายพระพร บริเวณร้านโกหยวด  (วิทยาภัณฑ์)  ตลอดทั้งสองฝั่งถนน แออัด ไปด้วย ประชาชนที่มาเฝ้ารอ รับเสด็จ รถพระที่นั่ง เคลื่อนตัว อย่างช้า ๆ และมาจอดที่หน้าวัดแจ้งซึ่ง ได้จัดทำซุ้มรับเสด็จไว้  พระครูอรุณกิจโกศล (พริ้ง โกสโล) ได้ถวายของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว จากนั้น ขบวนรถพระที่นั่ง ได้แล่นตามถนน บนเส้นทาง หน้าทอน-หัวถนน มาถึงหน้า วัดสระเกศ พระครูอดุลยธรรมวิมล และชาวบ้านได้จัดทำซุ้มถวายพระพร 
        ขบวนเสด็จก็ได้เสด็จมาถึงบริเวณทางเข้าน้ำตกหน้าเมือง   ตรงบริเวณปากทางเข้ามีประชาชน มาคอยรับ เสด็จอยู่เป็น จำนวนมาก ในช่วงนั้นอากาศจะร้อนจัด แต่เมื่อได้เห็น พระเจ้าแผ่นดิน  ความร้อนและความเหนื่อย ได้หาย เป็นปลิดทิ้ง  ทั้งสามพระองค์ทรงพักผ่อนพระอริยาบท และเสวย พระกระยาหารกลางวัน ณ น้ำตก หน้าเมืองแห่งนี้ ทั้งสามพระองค์ ทรงพระเกษมสำราญ  และทรงพอพระราชหฤทัยน้ำตกแห่งนี้มาก และทรงโปรด ให้จารึกพระปรมาภิไธยย่อ "ภ.ป.ร." และ "ส.ก."ไว้ด้วย 
            จากนั้นได้เสด็จพระราชดำเนินไปสำนักสงฆ์ศิลางู เพื่อนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ โดยมีประชาชนคอยรับ เสด็จและเฝ้าชมพระบารมีเป็นระยะ  ๆ เช่นที่บริเวณหน้าวัดสำเร็จ และตลาด หัวถนน ทั้งสามพระองค์ได้ทรงพบปะ และเยี่ยมเยียนประชาชนประมาณ 1 ชั่วโมง และได้เสด็จพระราชดำเนินกลับ 
        ระหว่างทางขณะที่เสด็จพระราช ดำเนินกลับ ก็ได้มีประชาชนเฝ้าคอยชมพระบารมีตลอด เส้นทาง และได้ส่ง เสด็จกันอย่างคับคั่งด้วยความปลื้มปิติ   และ ความจงรักภักดี ต่อล้นเกล้า ล้นกระหม่อมทั้งสามพระองค์ ที่มีพระมหากรุณาธิคุณ ต่อชาวเกาะสมุย  ประชาชน จำนวนมากถึงกับวิ่งตามเสด็จลงไปในทะเล บางคน ถึงกับว่ายน้ำ ตามออกไป  พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นห่วงเกรงว่าประชาชน จะจมน้ำ ทรงโบกพระหัตถ์  ให้พศนิกรของพระองค์กลับแต่พวกเขาเหล่านั้น หายอม กลับไม่ จนเรือพระที่นั่งจันทรเคลื่อน  ออกไปแล้ว  ประชาชนจึงได้ แยกย้ายกันกลับบ้าน  และพกพาเอา ความ ปลื้มปิติยินดี เก็บเอาไว้ ในความทรงจำ อย่างยาก ที่จะลืมเลือน 
 
 
 


  [ นายอำเภอคนแรก ] [ เรือหางยาว ] [ การขนถ่ายมะพร้าว ] [ การทำมะพร้าวแห้ง ] [ โรงแรมหลังแรก ]  [ รถโดยสารยุคแรก ]